อาการคันหู

เชื่อว่าทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่คงเคยมีอาการคันหูด้วยกันทั้งนั้น แล้วรู้หรือไม่ว่าอาการคันหูเกิดมาจากสาเหตุอะไร และอันตรายต่อหูของเราหรือไม่   คุณรู้หรือไม่ว่าข้างในหูของคนเรานั้นมีเส้นประสาทที่บอบบางมากมาย และเส้นประสาทเหล่านี้ยังไวต่อการสัมผัส ดังนั้นหากมีอะไรที่ไปทำให้เส้นประสาทเกิดอาการระคายเคืองก็จะส่งผลให้เราคันในรูหูได้  ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น การแพ้สารเคมี การติดเชื้อในหู การใช้หูฟัง หรือคันเพราะสาเหตุมาจากมีขี้หูเยอะเกินไปก็ได้ และที่สำคัญหากมีมดหรือแมลงเข้าไปในหู ก็สามารถเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคันหูได้เช่นกัน

         สำหรับคนที่มีอาการคันหูแล้วมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยเช่น มีเลือดออก หรือมีของเหลวไหลออกมาจากหู หรือการที่อยู่ดีๆแล้วไม่ได้ยินเสียง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอาการ ซึ่งทางแพทย์จะมีการส่งเข้าไปตรวจสอบสแกนข้างในหูเพื่อหาความผิดปกติ 

          การรักษาอาการคันหูมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุที่คันนั้นมาจากอะไรเช่น

  • หากเกิดจากผิวผนังด้านในหูแห้ง ก็สามารถรักษาด้วยการใช้เบบี้ออยล์ เพราะจะทำให้ผิวในหูนิ่มลงสามารถรักษาอการผิวในหูแห้งได้
  • หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในหู จะรักาษด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะที่เป็นครีมชี้ผึ้งทาในหู
  • หากหูเกิดการอักเสบ รักษาด้วยการใช้ยาสเตียรอยด์แบบครีมขี้ผึ้งทาในหู
  • หรือใช้ยาหยอดหูเพื่อรักษาอาการอักเสบและฆ่าเชื้อโรคภายในหู

          สำหรับยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้ผู้ป่วยไปใช้ทารักษานั้น ผู้ป่วยจะต้องทำตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด อย่าหยุดยาเองโดยที่แพทย์ยังไม่ได้สั่ง และหากผู้ป่วยมีอาการของโรคเยื่อแก้วหูอักเสบห้ามใช้ยาหยอดหูหรือครีมทาในหูโดยเด็ดขาด เพราะไปสร้างความเสียหายให้กับแก้วหูมากยิ่งขึ้นไปอีก   อาการที่พบความผิดปกติในช่องหูนั้นล้วนสำคัญทุกอาการ เราไม่ควรคิดหาวิธีการรักษาเอง เพราะหากรักษาแบบผิดวิธีจะมีผลต่อการได้ยินของหูของเราได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหูหนวก ดังนั้นหากพบปัญหาเกี่ยวกับหูควรไปพบแพทย์เฉพาะทางให้ช่วยรักษาจะเป็นการดีที่สุด และสำหรับการดูและตัวเองเบื้องต้นคือ หากเรามีขี้หูอุดตันเป็นจำนวนมากควรใช้น้ำยาหยอดหูเพื่อละลายขี้หู และหากเวลาที่เรามีอาการคันหูอย่าใช้อะไรแหย่เข้าไปในหูโดยเด็ดขาดเพราะอาจแหย่ไปโดนแก้วหูฉีกขาดทำให้หูหนวกได้

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

วิธีดูแลเครื่องช่วยฟังเพื่อให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

วิธีการดูแลเครื่องช่วยฟังของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน

แต่จะมีสักกี่คนที่จะดูแลเครื่องช่วยฟังให้ถูกวิธีได้ ซึ่งนั้นก็เป็นการยืดเวลาอายุการใช้งานของเครื่องช่วยยฟังให้มีการใช้งานได้ยาวนานขึ้น หากมีการดูแลที่ถูกต้องแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อเครื่องช่วยฟังบ่อยๆ แต่หากไม่มีการดูแลอย่างถูกวิธีแล้วก็เท่ากับว่าเราต้องจ่ายเงินทิ้งเลยแหละ เพราะต่อให้ซื้อมาใหม่แต่ถ้าไม่มีการดูแลอย่างถูกวิธีก็ต้องเสียเร็วกว่าอายุการใช้งานที่แท้จริงของมันอยู่ดี

ดังนั้นเรามาเรียนรู้วิธีการดูแลเครื่องช่วยฟังเหล่านี้กันดีกว่าว่า ทำอย่างไรที่จะให้เครื่องช่วยฟังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

สำหรับเครื่องช่วยฟังที่เราเห็นอยู่ตามร้านต่างๆหรือตามเว็บไซต์ออนไลน์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบบอนาล็อกและแบบดิจิตอล ซึ่งหากเรามีการใส่ถ่านหรือแบตของเครื่องช่วยฟังผิดด้าน หรือผิดประเภทอาจส่งผลทำให้เครื่องช่วยฟังเกิดปัญหาต่างๆได้เช่นกัน ซึ่งมันจะเป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดความเสียหายในด้านต่างๆได้เป็นอย่างดี

หากเราซื้อเครื่องช่วยฟังมาใหม่ๆ เราควรศึกษาข้อมูลในการใช้และข้อห้ามอย่างเคร่งครัด และควรปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำ เพื่อเป็นการใช้งานอย่างถูกวิธีและเพื่อจะให้เครื่องช่วยฟังอยู่ใช้งานได้อย่างยาวนาน 

ซึ่งหากเรามีการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีหรือมีการลัดขั้นตอน อาจส่งผลเสียให้กับเครื่องช่วยฟังของเรานั่นเอง ซึ่งหากมีการอ่านหรือสอบถามรายละเอียดในการใช้มาอย่างละเอียดเราก็จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกวิธีและนั้นก็เป็นการช่วยให้เครื่องช่วยฟังของเราใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วยนะ

เครื่องช่วยฟังส่วนใหญ่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ดังนั้น การดูแลหรือเก็บรักษาก็ไม่ควรให้อยู่ในที่ชื้นหรือเปียก แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีความร้อนจัดๆได้ เพราะความร้อนสูงก็สามารถทำให้วงจรในระบบเครื่องช่วยฟังมีปัญหาหรืออาจจะเกิดการเสียหายได้อย่างง่าย 

ดังนั้นควรระวังในการเก็บ ควรเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีอากาศร้อนสูงหรือมีอากาศเปียกชื้นนั่นเอง

สิ่งที่ไม่ควรทำกับเครื่องช่วยฟังเป็นอย่างยิ่งนั้นก็คือการโยน เพราะเครื่องช่วยฟังเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งการโยนสามารถส่งผลให้ระบบภายในเกิดการกระทบกระเทือนได้ โดยการที่เครื่องช่วยฟังเกิดการกระทบกระเทือนนั้นอาจส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในระบบเกิดการเสียหายได้ง่าย ซึ่งสำหรับบางชิ้นส่วนที่อยู่ในระบบนั้นหากเกิดการเสียหายแล้วก็ไม่สามารถซ่อมได้นอกจากจะทำการซื้อใหม่เท่านั้น หรือหากอุปกรณ์หรือเครื่องช่วยฟังของคุณมีปัญหาก็ควรส่งเข้าศูนย์หรือร้านค้าที่มีการรับประกัน ไม่ควรแกะ แงะ หรือทำการซ่อมเองโดยเด็ดขาด